ร้าน เอราวัณ
www.erawan.99wat.com
0871914956
0871914956

ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม

พระเครื่องและเครื่องรางในร้านเรารับประกันการขายตามมาตรฐานสากลทุกองค์

 
ปรอทกินทองหลวงพ่อศรีอ่อง ยุคต้น แบบไม่ขัดเงา สุดยอดหายากมากๆ


  ส่งข้อความ

ชื่อร้านค้า
เอราวัณ
โดย
Erawan
ประเภทพระเครื่อง
เครื่องราง
ชื่อพระ
ปรอทกินทองหลวงพ่อศรีอ่อง ยุคต้น แบบไม่ขัดเงา สุดยอดหายากมากๆ
รายละเอียด
(ปรอทกินทองหลวงพ่อศรีอ่อง ยุคต้น แบบไม่ขัดเงา สุดยอดหายากมากๆ)

ปรอทกินทอง หลวงพ่อศรีอ่อง วัดบรรพตสถิตย์ จ.ลำปาง (เจ้าของฉายา เมฆสิทธิ์แห่งล้านนา)

ประวัติความเป็นมา สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้สร้างเครื่องรางไว้ตามตำราปรอทสำเร็จของพม่า(จากการค้นคว้าสอบถามประวัติกับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันให้ข้อมูลว่า โยมพ่อของหลวงพ่อศรีอ่องมี เชื้อสายพม่า ส่วนทางโยมแม่มีเชื้อเจ้าทางเจ้านาย ฝ่ายเหนือ นามสกุล เชื้อเจ็ดตน
หลวงพ่อศรีอ่องท่านเริ่มทำปรอทกินเงิน และ ปรอทกินทอง ตั้งแต่สมัยจำพรรษาที่วัดเอี่ยมวรนุช มีอยู่สองชนิดคือ ปรอทกินเงินและปรอทกินทอง

ท่านจะนำปรอทไปแช่ในพิษหลากชนิดแล้วจึงเสกให้ปรอทฆ่าพิษตามตำรา จากนั้นนำปรอทที่ได้มาทำพิธีทางไสยเวทย์โบราณ โดยท่านใช้ทองคำล่อให้ปรอทกินทอง(ทองคำแท้)จนอิ่มตัว หากเป็นเงินบริสุทธิ์ก็จะออกมาเป็นปรอทกินเงิน จากนั้นนำไปเททรายจะได้ปรอทในกองทราย แล้วจึงมาแต่งให้เข้ารูป ปรอทกินทองและปรอทกินเงินหรือบางท่านเรียกปรอทหัวแหวน
หลวงพ่อจะสร้างให้ศิษย์ใกล้ชิดและนับถือที่ขอให้ท่านทำให้เท่านั้น มิได้ทำออกให้บูชาแต่อย่างใด จำนวนการสร้างจึงน้อยมาก เนื่องจากผู้ที่อยากได้ต้องเตรียมการอย่างถูกต้องตามตำราและที่สำคัญคือต้องใช้ต้นทุนในการจัดหาทองคำแท้หรือเงินบริสุทธิ์มาเอง

ประสบการณ์ เรื่องของศิษย์ท่านที่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เล่าว่า การสร้างต้องตั้งมณฑลพิธี มีพิธีบูขาครู เทพยดาเจ้าป่าเจ้าเขา และห้ามเข้าในเขตมณฑลพิธีอย่างเด็ดขาด การสร้างจะทำช่วงเช้า เวลา 9.09 น. จนถึงบ่ายกว่าๆ จึงหยุดโดยท่านจะบริกรรมคาถาตลอดเวลาที่ทำพิธี เคยมีสตรีผู้หนึ่งไม่รู้ว่าท่านทำปรอทอยู่ เข้ามาในเขตมณฑลพิธี เตาหลอมถึงกับระเบิด ปรอทและทองที่กำลังล่อหายไปสิ้น
เท่าที่ทราบไม่ปรากฎว่ามีเกจิท่านใดมีการสร้างปรอทในลักษณะเดียวกันนี้ ผู้รู้จึงแสวงหากัน นานๆครั้งจึงออกมาให้เห็น แม้ในพื้นที่ก็ใช่ว่าจะออกมาให้เห็นได้บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเห็นผู้รู้บางท่านนำติดตัวทำหัวแหวนเพราะขนาดพอเหมาะ พุทธคุณ สามารถช่วยขับพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับเช่นสัตว์มีพิษเอาปรอทกดที่แผล กันสิ่งอัปมงคล เสริมธาตุในร่างกาย ป้องกันกระดูกหักจากอุบัติเหตุ บางท่านแช่ปรอทในน้ำผึ้งเพื่อรับประทานถือเคล็ดว่าให้ปรอทกินน้ำผึ้งและปล่อยพลังงานออกมาในน้ำผึ้ง ส่วนมากพบการใช้ทองคำเปลวปิดไว้ที่ก้นหัวปรอทซึ่งท่านว่าเป็นการเลี้ยงปรอทโดยใช้แผ่นทองคำเปลวเลี้ยง
คาถากำกับปรอทกินทอง "จิเจรุนิ กัณหะเนหะ"

อาณุภาพนั้นใช้ได้หลายทางดังนี้

1.ดีทางแคล้วคลาดคงกระพัน ป้องกันกระดูกหัก จากอุบัติเหตุ
2.ป้องกันพวกภูติผีปีศาจและ อมนุษย์ อสุรกาย
3.ป้องกันยาพิษต่างๆ
4.ใช้เสริมดวงและอธิษฐานเสี่ยงทายเกี่ยวกับดวง เมื่อใดดวงขึ้น ทองจะสุกใส เมื่อดวงตก ทองจะหมองคล้ำ
5.ขับพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับเช่น เมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดให้เอาปรอทกินทอง กินเงิน ปิดปากแผลดูดพิษ
6.รักษา และปรับสมดุลย์ธาตุในตัว

ปรอทกินทองยุคต้น หลวงพ่อศรีอ่อง ยุคต้นท่านจะใช้กองทรายเป็นพิมพ์กอ่น แล้วพัฒนามาเป็น เตาเผาและเบ้าดินเผา ตามลำดับ
ยุคแรก ยังขาดความสวยงามอยู่มาก ไม่ขัดแต่งผิว มีรอยขลุขละ จาก ทราย และเบ้าหลอม
ยุคหลังสุด ได้พัฒนาเครื่องมือหลายอย่าง ส่วนผสมคงที่ และ ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีจำนวนมาก พอเพียงต่อศิษย์และผู้มีติจตศรัทธา ทั้งในและนอกพื้นที่ จึงมีการขัดเงา แต่งผิว ความสม่ำเสมอของเนื้อปรอท และความสวยงานตามที่เห็นในปัจจุบัน

ฉายา"เมฆสิทธิ์แดนล้านนา" สุดจี๊ดทุบจากเบ้าผิวเดิมๆไร้การตกแต่ง
ปรอทกินทองการเสกต้องนิมนต์พระถึงร้อยรูปทำพิธีแค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ
หลวงพ่อศรีอ่องได้เคยเล่าให้คุณไทยดำ นักเขียนนิตยสารญาณวิเศษ(นิตยสารในเครือโลกทิพย์) ฟังว่า การทำปรอทให้แข็งตัวนั้นง่ายมาก โดยผสมธาตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น แร่เงิน ทอง หรือทองแดง ลงไป เดี่ยวก็แข็งตัวเป็นก้อนกลมได้ พอแห้งแล้วเอามาขัดผิวก็จะเป็นมันปลาบมีลักษณะลื่นได้ หรืออีกอย่างหนึ่งคือใช้สมุนไพรบางชนิดที่มีแร่ชนิดหนึ่ง เช่น ใบกระเม็ง ที่มีแร่เหล็กมาทำให้แข็งตัว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปรอทสำเร็จที่มีอภินิหารตามที่ต้องการกัน

กรรมวิธีฆ่าปรอทแล้วเลี้ยงด้วยทองคำนี้มีอยู่ในคัมภีร์โหราศาสตร์พม่าและวิชาโลกะหิตะอัคคิยะศาสตร์ ถ้าลงมือทำแล้วก็สิ้นเปลืองเงินทองมาก ทั้งค่าอุปกรณ์เครื่องมือเช่น เตาเผาและเบ้าดินขนาดต่างๆ รวม 10 ชุด รวมถึงสารพิษต่างๆ ที่ในตำราบอกไว้

ดังนั้น การทำปรอทสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ที่จะศึกษาวิชานี้จะต้องมีความอดทน พากเพียร ตอนหุงปรอทต้องคอยเฝ้าดูอย่างน้อยก็ 4-5 เดือนอีกทั้งยังต้องมีสมาธิจิตที่มั่นคงแน่วแน่จึงจะสำเร็จ อย่างน้อยต้องได้ฌาน 4 จึงจะพอข่มบังคับปรอทเอาไว้ได้ ปรอทที่สำเร็จแล้วนั้นจะส่งเสียงร้องเจี๊ยบๆ ให้ได้ยินถ้าข่มบังคับไว้ไม่ได้ก็อาจจะหายหรือโดนพวกวิทยาธรขโมยไปได้

การหุงปรอทสำเร็จนั้น ท่านเล่าว่ามีหลายระดับ ถ้าสำเร็จขั้นสูงก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ขั้นรองลงมาคือ ป้องกันอันตรายต่างๆ ทำให้มีอายุยืน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ซึ่งตัวท่านทำได้แค่ขั้นนี้อันตรายของวิชานี้ คือ ปรอทระเบิด เนื่องจากใช้ความร้อนสูงเกินไป ทำให้เสียสติ เป็นบ้า และตาบอดได้ แม้แต่ตัวท่านเองก็เคยได้รับอันตรายจากการระเบิดของปรอทมาแล้ว 3 ครั้ง ถ้าไม่มีหน้ากากป้องกันไอพิษ ถุงมือ และเสื้อคลุมป้องกันไว้ ตัวท่านก็คงจะพิการไปนานแล้ว

ท่านสร้างตามตำราพม่าของพระมหาฤาษีภูภูอ่อง แต่เดิมท่านเคยบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา มีนามว่า " ญาณรังสี " แต่ต่อมาท่านพิจารณาเห็นว่าการที่พระภิกษุอยู่ในป่า บางครั้งก็มีเหตุให้จำต้องล่วงอาบัติของพระพุทธองค์อยู่เนืองๆ ก็ให้รู้สึกไม่สะดวกใจด้วยเกรงจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านจึงลาสิกขาออกมาถือพรตเป็นฤาษี พร้อมตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์รักษาศีล 8 ได้เป็นอย่างดี จนบรรลุอภิญญาสมาบัติขั้นสูงสุด จนได้สำเร็จฤทธิ์อันยอดยิ่ง ด้วยเหตุถึง 4 สถาน คือ

1. ยา (รอบรู้ในตัวยาสมุนไพร และว่านยาที่มีฤทธิ์ทุกประเภทอย่างเจนจบ)

2. ยันต์ (ปรีชาในอักขระคาถายันต์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง)

3. ปรอท (สำเร็จในการเรียกและใช้ปรอท ธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์กว่าธรรมดา จนถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้)

4. ประคำ (เครื่องช่วยกำหนดจิตภาวนาให้บังเกิดสมาธิจิต อันเป็นบาทฐานแห่งอภิญญาฤทธิ์ ซึ่งเป็นของมีมาเก่าแก่ สืบทอดมาแต่โบราณกาลนับเป็นพันๆ ปี)

พระมหาฤาษีภูภูอ่อง เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก ทุกวันนี้ก็ยังดำรงสังขารอยู่ ในสมัยนั้นท่านได้สำแดงฤทธานุภาพเหาะขึ้นไปนมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากองให้ผู้คนชาวพม่าเห็นเป็นอัศจรรย์ และได้ลงมหายันต์ “ สะตะปะวะ ” ที่ยอดเจดีย์ชะเวดากอง เพื่อป้องกันมิให้ฟ้าผ่าและหลายๆ อย่าง จนพระเจ้าบุเรงนองเกิดพระราชศรัทธาถวายตัวเป็นศิษย์ และได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาราชครู

(ขออนุญาติลงข้อมูลที่หลากหลายและเผยแพร่บารมีครูบาอาจารย์ทุกท่านครับ) ....ด้วยจิตคารวะ
ราคา
ขายแล้ว
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
0871914956
ID LINE
0871914956
จำนวนการเข้าชม
2,224 ครั้ง
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
ธนาคารกรุงไทย / 554-0-03095-8
ธนาคารทหารไทย / 599-2-12771-1
ธนาคารทหารไทย / 057-2-76735-8